กีวี (ชื่อวิทยาศาสตร์: Actinidia chinensis) ภาษาจีนเรียกหมีโหวเถา เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ต่อมาเริ่มเป็นที่แพร่หลายออกนอกประเทศจีน ต่อมา มีผู้นำไปปลูกที่นิวซีแลนด์เมื่อ พ.ศ. 2449 และได้ปรับปรุงพันธุ์จนได้กีวีที่รสดีมากขึ้น จนกลายเป็นผู้ส่งออกกีวีรายใหญ่ที่สุด นอกจากนั้น นิวซีแลนด์ยังเปลี่ยนชื่อเรียกผลไม้ชนิดนี้จาก Chinese gooseberry เป็นกีวี ตามชื่อของนกกีวี ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ Jack Turner เป็นคนที่เริ่มเรียกว่า “kiwifruit” เมื่อราว พ.ศ. 2505 ในประเทศไทยนำกีวีเข้ามาปลูกที่ดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่
คุณประโยชน์ของกีวี
- กีวี มีไฟเบอร์จำนวนมาก ทำให้อิ่มเร็วและนาน ช่วยระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระดูกและฟัน
- กีวีมีวิตามิน C มากกว่าส้มและเลม่อน ช่วยเสริมสร้างความแข็งให้กับภูมิคุ้มกัน ต่อสู้กับไวรัสและแบคทีเรีย
- มีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอไม่ให้คุณแก่ก่อนวัย
- มีไฟเบอร์สูง ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด เหมาะสำหรับคนที่ลำไส้แปรปรวน
- กีวีมีคุณสมบัติช่วยควบคุมระดับของคอเลสเตอรอลในเลือด มีกรดโปรทีโอไลติก มีน้ำตาลต่ำ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานหรือการแข็งตัวของเลือด
- ช่วยลดความดันโลหิต เพราะในเนื้อกีวีมีโพแทสเซียม แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยลดความดันโลหิตลง และควบคุมปริมาณของเหลวภายในเซลล์ อีกทั้งยังมีสารเพคติน ที่ช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลด้วย
- สารลูทีนและซีแซนทีนในกีวี เป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์สำคัญที่ช่วยปกป้องสายตาของเรา ถ้าอยากมีดวงตาใสปิ๊ง ไม่อยากเผชิญกับโรคจอประสาทตาเสื่อม ห้ามมองข้ามกีวีเด็ดขาดเลย